ย้อนไปเมื่อปี 2553 หลังจากที่ ส.ต.อ.สมัย สายอ่อนตา ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรอินทรีย์ ต.บ้านดง อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น วัย 43 ปี ตัดสินใจเข้าร่วมนำร่องโครงการ "1 ไร่ 1 แสน" เวลาผ่านไปเพียง 2 ปีพบว่า โครงการ "1 ไร่ 1 แสน" ได้ชุบชีวิตพาครอบครัวของเกษตรกรให้อยู่ดีกินดีอย่างเป็นรูปธรรม
ส.ต.อ.สมัยบอกว่า ปกติครอบครัวเป็นเกษตรกรอยู่แล้ว มีพื้นที่ทำกินกว่า 200 ไร่ ส่วนหนึ่งใช้ทำนา ทำไร่ อีกส่วนหนึ่งปลูกป่าไม้ยืนต้น กระทั่งปี 2553 คณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป หรือ คสป. ได้ใช้พื้นที่ของเขา 1 ไร่ เพื่อนำร่องโครงการ 1 แสน 1 ไร่ ตามนโยบาย “การปฏิรูปเศรษฐกิจและสังคม ประเทศไทย ภายใต้แนวทางการลดความเหลื่อมล้ำของการกระจายรายได้” จึงเข้าร่วมโครงการ ขณะที่คนอื่นไม่มีใครมั่นใจ และหัวเราะเยาะว่าจะเป็นไปได้อย่างไร "พอผมตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ ก็ได้รับการอบรมได้ระยะหนึ่ง จึงเดินทางไปศึกษาแปลงนาทดลองที่ จ.นครปฐม เห็นว่ามีความเป็นไปได้ ทำให้มีผู้อื่นร่วมโครงการพร้อมกันรุ่นแรก 8 คน ประสบผลสำเร็จ 6 คน และไม่ถึงเป้า 2 คน คือผมด้วยคนหนึ่ง แต่ผมไม่ได้คิดไม่สำเร็จนะ เพียงแต่ไม่ถึงเป้า 1 ไร่ 1 แสนเท่านั้น เพราะปกติเราทำนาปี 1 ไร่ ได้แค่ 5,000 บาท แต่ผมทำได้ปีละ 5.4 หมื่นบาท ผมก็พอใจ แต่อีก 6 รายที่เข้าร่วมโครงการอย่างเต็มรูปแบบมีรายได้เฉลี่ยปีละ 147,705.50 บาท"
เขาบอกอีกว่า โครงการ 1 ไร่ 1 แสน เป็นการนำหลักปรัชญาเกษตรพอเพียงกับเกษตรทฤษฎีใหม่ของพระบาทสมเด็จพระเส.ต.อ.สมัยกล่าวจ้า อยู่หัว มาผสมผสานกัน คือเริ่มจากการปรับพื้นที่ให้สม่ำเสมอ จากนั้นขุดคูน้ำล้อมรอบพื้นที่ 1 ไร่ คูขนาดกว้าง 1 เมตร ลึก 1.3 เมตร เอาดินที่ขุดคลองมาทำเป็นคันนากว้าง 2 เมตร ใช้พื้นที่เหล่านี้ประกอบอาชีพ 3 อย่าง 1.กสิกรรมปลูกข้าว 2 งาน ปลูกพืชผักสวนครัว 2.ด้านการประมงนั้นเลี้ยงปลาในคูน้ำมีทั้งปลาดุก ปลาไน ยี่สก ตะเพียน สวาย กบ หอยคม เป็นต้น และอีกส่วนเป็นปศุสัตว์เลี้ยงเปิดไข่ 40-50 ตัว บางคนอาจเลี้ยงไก่ หรือหมูก็ได้
"บ้านผมพูดง่ายๆ ว่า เวลาไปตลาดจะซื้อแค่น้ำปลากับเกลือ เพราะเราผลิตเองไม่ได้ ส่วนข้าว พืชผัก ปลา เป็ด ไก่ ไข่ เรามีเหลือกินเอาไปขายได้วันละ 300-400 บาท อย่างผมลงปลาดุก 5 หมื่นตัว ตายบ้าง กินบ้างเหลือ 3 หมื่นตัว กำไรตัวละ 5 บาท ลองคิดดูจะได้เงินเท่าไร ส่วนนาข้าว พืชผักใช้ปุ๋ยอินทรีย์และชีวภาพที่ทำเอง แทบไม่ลงทุนอะไรเลย" เขากล่าว เช่นเดียวกับ ทองเหมาะ แจ่มแจ้ง ปราชญ์ชาวบ้าน ต.วังว้า อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรบุรี ก็อีกคนหนึ่งที่ดำเนินโครงการ 1 ไร่แก้จน ซึ่งมีลักษณะคล้ายๆกับโครงการ 1 ไร่ 1 แสน บอกว่า มีที่นาทั้งหมด 300 ไร่ ทำเกษตรอินทรีย์มาตลอด เมื่อก่อนมีรายได้จากการทำนา 1 ไร่ มีกำไรราว 1,000-2,000 บาท ตอนหลังจึงมาทดลองโครงการ 1 แสนแก้จนโดยนำแนวหลักปรัชญาเกษตรพอเพียงกับเกษตรทฤษฎีใหม่มาใช้ คือใช้พื้นที่ 1 ไร่ มาทำ 70 ตารางวาปีละ 3 ครั้งเพียงพอกับการบริโภคในครัวเรือนที่มีสมาชิก 3-4 คน นอกจากนั้นปลูกพืชผักส่วนครัว เลี้ยงปลาทุกชนิด และเลี้ยงเป็ด ไก่ หมู ซึ่งแต่ละวันจะสร้างรายอย่างน้อยวันละ 500 บาท พอถึงคราวขายหมูยกรุ่นที่เลี้ยงรุ่นละ 10-20 ตัว จะได้ตัวละ 3,000-3,500 บาท จะได้เงินก้อนอีกราว 3 -7 หมื่นบาท
หน้าที่เข้าชม | 77,827 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 61,038 ครั้ง |
เปิดร้าน | 11 มิ.ย. 2560 |
ร้านค้าอัพเดท | 3 ก.ย. 2568 |